สิวที่หลังเกิดจากอะไร พร้อมเคล็ดลับที่ทำให้ผิวกลับมาเนียนอีกครั้ง

ผิวด้านหลังของหญิงสาวที่เนียนใสปราศจากสิวที่หลัง

เมื่อพูดถึง “สิว” หลายคนอาจจะนึกถึงสิวบนใบหน้าเป็นอันดับแรก แต่จริงๆ แล้วสิวที่หลังก็เป็นปัญหากวนใจที่ทำลายความมั่นใจของเราได้เช่นกัน หลายคนมักจะสงสัยว่า "สิวที่หลังเกิดจากอะไร?" ซึ่งเป็นคำถามที่ดีมากๆ เพราะการเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวที่หลังจะช่วยให้เรารู้วิธีป้องกัน รวมถึงรักษาสิวที่หลังได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ

สิวที่หลังเกิดจากสาเหตุใดบ้าง?

สิวที่หลัง (Back Acne) เกิดจากการสะสมของน้ำมันส่วนเกิน แบคทีเรีย และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันในรูขุมขน โดยสาเหตุหลักของการเกิดสิวที่หลังมาจากต่อมไขมันที่อยู่ในรูขุมขนผลิตซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อรวมกับเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกต่างๆ ทำให้เกิดการอุดตันและเป็นสิว รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรีย “Propionibacterium Acnes” ที่ทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง 

นอกจากนี้ การเสียดสีของเสื้อผ้า การสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปจนเกินไป อากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อและความอับชื้น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ยาบางชนิด หรือการออกกำลังกายก็กระตุ้นให้เกิดสิวได้เช่นกัน รวมถึงอาหารที่ไม่ไขมันสูง ของมัน ของทอด ของหวาน และอาหารแปรรูป ก็กระตุ้นให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นกัน แม้แต่การเปลี่ยนสกินแคร์ แชมพู ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวไวต่อการระคายเคือง หรือกระตุ้นให้เกิดการแพ้ก็ล้วนส่งผลให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นกันค่ะ

ประเภทของสิวที่หลังมีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร? 

สิวที่หลังมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป สิวหัวดำและสิวหัวขาวเป็นสิวที่พบได้บ่อยที่สุด สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เปิดออกสู่ผิวหนัง ทำให้น้ำมันและเซลล์ผิวสัมผัสกับอากาศและกลายเป็นสีดำ ส่วนสิวหัวขาวเกิดจากการอุดตันที่ยังไม่เปิดออก ทำให้มีลักษณะเป็นตุ่มสีขาว

สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads): หรือที่เรียกกันว่า สิวอุดตันหัวปิด (Closed Comedones) มีลักษณะเป็นสิวขนาดเล็ก มีหัวสิวสีขาวที่ไม่สามารถเห็นได้จากภายนอก แต่เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงตุ่มนูนบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเชื้อแบคทีเรีย ต่อมไขมัน และเคราตินเกาะตัวกันภายในรูขุมขน

สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads): อีกชื่อของสิวอุดตันหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedone) มีลักษณะเป็นก้อนไขมันแข็ง ๆ ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก ในตอนแรกหัวสิวจะเป็นสีขาวเหลือง แต่เมื่อหัวสิวสัมผัสกับอากาศและสิ่งสกปรกไปสักระยะหนึ่ง หัวสิวจะกลายเป็นสีดำ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเคราตินและไขมันบริเวณชั้นผิวบน

สิวตุ่มแดง (Papule): หนึ่งในประเภทของสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ไม่มีหัวหนองใต้บริเวณชั้นของผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ซึ่งสิวตุ่มแดงเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่มีการเจริญมากเกินจนร่างกายกระตุ้นการอักเสบ

สิวหัวหนอง (Pustule): มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงบริเวณฐานและตรงกลางมีจุดสีขาวเหลือง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย สิวหัวหนองมีสาเหตุการเกิดเดียวกับสิวตุ่มแดง เพียงแต่สิวหัวหนองต้องมีการติดเชื้อไปสักระยะ จนหนองก่อตัวขึ้นมาใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งไม่ควรรักษาสิวหัวหนองด้วยการบีบหรือกดด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดรอยสิวที่หลัง และมีการอักเสบมากกว่าเดิมได้

สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule): สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมาก สิวประเภทนี้มีลักษณะเป็นไตขนาดใหญ่ใต้ชั้นผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บปวดมาก สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่จะไม่มีหัวหรือหนอง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามไปยังชั้นใต้ผิวหนัง ที่ทำให้มีการอักเสบรุนแรงกว่าสิวตุ่มแดงและสิวหัวหนอง

สิวหัวช้าง (Nodulocystic ance หรือ Sever Nodular acne) ถือเป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมากที่สุด มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ที่มีความอ่อนนุ่มเหมือนมีของเหลวอยู่ข้างใน  เมื่อสัมผัสจะมีความเจ็บปวดมากแต่สิวประเภทนี้จะไม่มีหัวหนอง ซึ่งสิวหัวช้างรักษาได้ยากกว่าสิวชนิดอื่น ๆ และมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิว เพราะเกิดจากการอักเสบรุนแรงที่ชั้นผิวหนังแท้

นอกจากนั้น ยังมีสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดง บวม และเจ็บปวด ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน การรักษาสิวอักเสบควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อแบคทีเรีย หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม

วิธีรักษาสิวที่หลังด้วยวิธีธรรมชาติ: เริ่มต้นง่ายๆ ที่บ้าน

หากคุณกำลังมองหาวิธีรักษาสิวที่หลังด้วยวิธีธรรมชาติ คุณมาถูกทางแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติไม่เพียงแต่ปลอดภัย แต่ยังมีประสิทธิภาพอีกด้วย หนึ่งในวิธีที่นิยมคือการใช้ทีทรีออยล์ ซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ เพียงหยดทีทรีออยล์ลงบนสำลีแล้วทาบริเวณที่เป็นสิว

นอกจากนี้ การใช้น้ำมันมะพร้าวก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทาลงบนบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอน แล้วล้างออกในตอนเช้า วิธีนี้จะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีดูแลและป้องกันสิวที่หลังด้วยตัวเองที่บ้าน

สิวที่หลัง: ดูแลอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?

การดูแลผิวหลังเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หลังจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก ควรรีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดทันที เพื่อป้องกันการสะสมของเหงื่อและน้ำมันที่อาจก่อให้เกิดสิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและมีค่า pH ที่เหมาะสมกับผิว เพื่อช่วยลดความมันและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน

** เรื่องควรรู้: ไม่ว่าคุณจะเป็นสิวประเภทไหน หลังจากสิวที่หลังยุบลงแล้วมักจะทิ้งรอยดำไว้ให้ปวดใจ แนะนำให้ใช้ AHA และ BHA ซึ่งเป็นกรดผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการดูแลผิว โดยเฉพาะปัญหาสิวและรอยสิว ด้วยคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นและช่วยลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือใช้ สบู่ก้อนโพรเทคส์ สูตรเดอร์มา แอคเน่ ผสาน AHA+BHA ช่วยลดสาเหตุการเกิดสิวและช่วยลดเลือนรอยดำจากสิวได้อย่างดี พร้อมอวดแผ่นหลังเนียนสวยได้อย่างมั่นใจ

การรู้จักประเภทของสิวที่หลังและสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว จะช่วยให้เราสามารถดูแลและรักษาได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณมีผิวหลังที่สะอาดและสุขภาพดี

 

 

ติดตามเราได้ทาง: