จัดการปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น พร้อมวิธีดูแลผิวแบบธรรมชาติ
เชื่อว่าหลายคนคงจะสับสนระหว่าง ‘ผิวแห้ง’ VS ‘ผิวขาดน้ำ’ ใช่ไหมคะ? จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้เป็นสภาพผิวที่แตกต่างกัน จึงต้องการสกินแคร์และการดูแลผิวหน้าที่แตกต่างกัน เราชวนคุณมาค้นหาคำตอบและบอกลาปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ด้วยเคล็ดลับการดูแลผิวหน้าให้ชุ่มชื้นอย่างถูกวิธี พร้อมไขความลับ ‘ผิวแห้ง’ VS ‘ผิวขาดน้ำ’ แตกต่างกันอย่างไร? เพื่อเผยผิวสวยสุขภาพดีในแบบที่เป็นคุณ
ไขความลับ ‘ผิวแห้ง’ VS ‘ผิวขาดน้ำ’ แตกต่างกันอย่างไร
ใครที่กำลังสับสนว่า คุณมี ‘ผิวแห้ง’ หรือ ‘ผิวขาดน้ำ’ กันแน่นะ? เรามีคำอธิบายง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณแยกความแตกต่างระหว่างสภาพผิวทั้งสองได้ด้วยตัวเอง พร้อมแล้วก็มาสังเกตสุขภาพผิวไปด้วยกันดีกว่า!
ผิวแห้ง (Dry Skin) คือผิวขาดความชุ่มชื้นและรู้สึกแห้งตึงขาดความยืดหยุ่น ผิวมักจะเป็นขุย ผิวแดง ไวต่อการระคายเคือง และมีริ้วรอยก่อนวัยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ รุ่นราวเดียวกัน สาเหตุของผิวแห้งส่วนใหญ่มักเกิดจากพันธุกรรม อายุ สภาพอากาศ การอาบน้ำอุ่นเป็นประจำ หรือแม้แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โฟมล้างหน้า สกินแคร์ เมคอัพ ครีมอาบน้ำหรือสบู่ที่มีสารเคมีรุนแรงจนเกินไปและไม่เหมาะกับผิวของคุณ ทำให้ผิวหน้าหรือผิวกายแห้งกร้านนั่นเอง
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin) คือสภาวะที่ผิวขาดชุ่มชื้นหรือมีน้ำมันใต้ผิวน้อย ซึ่งเกิดจากผิวได้รับความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ ผิวจึงพยายามผลิตน้ำมันออกมาให้มากกว่าปกติ เพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป ปัญหาผิวขาดน้ำเกิดขึ้นได้กับผิวทุกประเภท ไม่ว่าคุณจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม เมื่อผิวขาดน้ำจะส่งผลให้ผิวแห้งสลับกับผิวมันเยิ้มในระหว่างวัน นอกจากนี้ สภาวะผิวขาดน้ำยังทำให้ผิวหมองคล้ำและเห็นริ้วรอยบนใบหน้าชัดขึ้น แต่งหน้าไม่ติดทนและเมคอัพหลุดออกง่ายอีกด้วย
รู้สึกถึงความแห้งตึงของผิวหลังล้างหน้า |
ผิวแห้งสลับผิวมัน หลังล้างหน้าจะรู้สึกแห้งตึง ทิ้งไว้สักพักผิวจะมันเยิ้ม |
ผิวไม่เรียบเนียน เป็นขุย ไม่มีสิว และมีริ้วรอยก่อนวัย |
ผิวไม่เรียบเนียน และเป็นสิวอุดตันได้ง่าย |
แต่งหน้าไม่ติดทน ทารองพื้นแล้วผิวเป็นคราบ |
แต่งหน้าไม่ติดทน เมกอัพหลุดออกง่ายระหว่างวัน |
ผิวแดง และไวต่อการระคายเคือง |
ผิวแดง และไวต่อการระคายเคือง |
ผิวดูไม่เปล่งปลั่ง ไม่สดใส และผิวหมองคล้ำง่าย |
ผิวหมองคล้ำ และสังเกตเห็นริ้วรอยได้ง่าย |
เห็นไหมว่า ‘ผิวแห้ง’ VS ‘ผิวขาดน้ำ’ แตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้น ควรหมั่นสังเกตผิวหน้าของตัวเองเป็นประจำ เพื่อที่คุณจะได้เลือกสกินแคร์และดูแลผิวได้อย่างเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณยังไงล่ะ
ไขความลับ: บอกลาผิวแห้งตึง สู่ผิวฉ่ำน้ำในฝัน
หลังจากที่คุณรู้แล้วว่าผิวกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร ก็ถึงเวลาที่คุณจะฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงและอวดผิวเปล่งประกายได้อย่างเพอร์เฟ็กต์!
ดูแลผิวแห้ง (Dry Skin) สิ่งสำคัญในการดูแลผิวแห้งอย่างถูกวิธี คือการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าได้อย่างสม่ำเสมอ แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์และกรดไฮยารูลอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ยาวนาน นอกจากนี้ ควรเพิ่มการบำรุงผิวด้วยการมาส์กหน้าเป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะช่วยเติมน้ำให้ผิวได้อย่างล้ำลึก
ดูแลผิวขาดน้ำ (Dehydrated Skin) สิ่งสำคัญที่สุดคือการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนให้เร็วขึ้น และควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เน้นผักและผลไม้สดฉ่ำที่มีน้ำเยอะๆ จะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดพรมให้ทั่วใบหน้าในระหว่างวันก็จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ทันที รวมถึงการมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเติมความชุ่มชื้นและคืนความสมดุลให้ผิวหน้าอีกครั้ง
สกินแคร์คืออะไร? เลือกแบบไหนที่ตอบโจทย์ผิวคุณ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าสกินแคร์คืออะไร? จริงๆ แล้ว สกินแคร์ (Skincare) คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกายที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า โทนเนอร์ เซรั่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ และครีมกันแดด "สกินแคร์" เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะเนรมิตผิวของคุณให้กลับมาชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง สุขภาพดี พร้อมเผยผิวสวยออร่าจับแบบผิวอิ่มฟูเหมือนสาวเกาหลี แล้วทำไมเราถึงต้องเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวด้วยล่ะ?
คำตอบก็คือ แต่ละวันผิวของคนเราต้องเจอกับมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และสิ่งสกปรกมากมาย รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อผิวของคุณ เช่น อายุ อารมณ์ อาหาร การพักผ่อน จนถึงการดื่มน้ำ การใช้สกินแคร์จึงเป็นเหมือนการทำความสะอาด บำรุง และปกป้องผิวจากปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพผิว ทางที่ดีคุณควรเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อบำรุงผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดีอยู่เสมอ
ผิวแห้ง: ควรเลือกสกินแคร์สูตรสำหรับผิวแห้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้นานขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เซรั่มที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Ceramides หรือ Glycerin เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว จากนั้นบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีเนื้อครีมเข้มข้น เพื่อกักเก็บความชื้นไว้ในผิว เลือกครีมบำรุงผิวรอบดวงตา (Eye Cream) สูตรอ่อนโยนเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวรอบดวงตา และควรมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาอิ่มน้ำ
ผิวมัน: ควรเลือกสกินแคร์สูตรควบคุมความมันและทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก เริ่มตั้งแต่โฟมล้างหน้าสูตรควบคุมความมัน จากนั้นให้เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโทนเนอร์ บำรุงผิวให้แข็งแรงด้วยเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Niacinamide หรือ Salicylic Acid เพื่อช่วยลดรอยแดงและป้องกันการเกิดสิว รวมถึงเลือกมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อโลชั่นบางเบา ซึมไว ไม่ทำให้ผิวมันเยิ้มระหว่างวัน
ผิวผสม: เป็นสภาพผิวที่มีทั้งบริเวณที่ผิวแห้งและผิวมันอยู่บนใบหน้า โดยส่วนใหญ่บริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) จะมันเยิ้ม ส่วนบริเวณแก้มจะมีผิวแห้งกว่า การดูแลผิวผสมจึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งสองส่วน ควรเลือกโทนเนอร์ที่ช่วยปรับสมดุลผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น เซรั่มเนื้อบางเบา ซึมไว และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า ควรเลือกโลชั่นหรือเจลบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ทาลงบนทีโซน และเลือกใช้ครีมบำรุงผิวบริเวณแก้ม ที่สำคัญอย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันบริเวณทีโซนเพื่อป้องกันผิวมันเยิ้มระหว่างวัน
เคล็ดลับผิวสวยสุขภาพดี ด้วยวิธีดูแลผิวแบบธรรมชาติ
นอกจากการบำรุงผิวจากภายนอกแล้ว การดูแลสุขภาพจากภายในก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน หากคุณอยากเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า เรามีเคล็ดลับดูแลผิวสวยสุขภาพดี ด้วยวิธีแบบธรรมชาติมากฝาก
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ (ประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน) เพื่อผิวสวยสุขภาพดีและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำมากขึ้น
เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ผิวของเราดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ที่ส่งผลเสียต่อผิวพรรณและสุขภาพ
นี่ก็คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลผิวแห้งและผิวขาดน้ำที่เรานำมาแบ่งปัน ที่สำคัญคนที่มีผิวกายแห้งกร้านก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสูตรอ่อนโยน ทำความสะอาดและบำรุงผิวกายให้สุขภาพดีในเวลาเดียวกัน
เราแนะนำ ครีมอาบน้ำโพรเทคส์ สูตรพรอพโพลิส ที่มีสารสกัดจากรังผึ้งธรรมชาติช่วยปกป้องและขจัดแบคทีเรียได้อย่างดี ผสมผสานกับ ‘แฟลกซ์ซีดออยล์’ (Flaxseed Oil) ที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง พร้อมช่วยบำรุงผิวกายให้ชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มละมุน ลดการสูญเสียน้ำ และชำระล้างแบคทีเรียได้มากถึง 99.9% เพื่อให้ผิวกายชุ่มชื้นและสุขภาพดีอยู่เสมอ