5 ขั้นตอนอาบน้ำให้ผิวสวย ผิวใส และผิวสะอาดล้ำลึกที่คุณอาจไม่เคยรู้!
เคยได้ยินไหมคะว่า สุขภาพผิวดีเริ่มต้นที่การอาบน้ำ! เราต่างก็รู้ดีว่าคนเราควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้งทุกเช้าและก่อนเข้านอนเพื่อให้ผิวกายสะอาดอยู่เสมอ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การอาบน้ำสามารถช่วยบำรุงผิวกายให้สุขภาพดีได้อีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำ 5 ขั้นตอนการอาบน้ำอย่างถูกวิธี สู่ผิวสวย เปล่งประกาย และผิวสะอาดล้ำลึก เพื่อให้ทุกครั้งที่อาบน้ำเป็นช่วงเวลาแห่งการปรนนิบัติผิวกาย พร้อมเผยข้อดี-ข้อเสียอาบน้ำอุ่นและอาบน้ำเย็นที่คุณอาจไม่เคยรู้!
5 ขั้นตอนอาบน้ำให้ผิวสวย ที่คุณอาจไม่เคยรู้!
นอกจากหนังสือดีๆ สักเล่ม นั่งชิลล์ในคาเฟ่เก๋ๆ หรือออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ยังมีหลายสิ่งที่ช่วยให้เราคลายเครียดได้อย่างดีหลังจากหนึ่งวันอันแสนจะวุ่นวาย เช่น การแช่อ่างอาบน้ำก็ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม เช่นเดียวกับการอาบน้ำที่หากเรารู้เคล็ดลับดีๆ ก็จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและปลุกความสดชื่นให้ผิวสุขภาพดีในเวลาเดียวกัน พร้อมแล้วก็ทำตาม 5 ขั้นตอนนี้ได้เลย!
ปรับอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสม: ปรับเครื่องทำน้ำอุ่นที่ประมาณ 36-37 องศาฯ ถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นสามารถอาบน้ำที่อุณหภูมิห้องได้เช่นกัน ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับร่างกายคนเรา เพื่อให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย แล้วยังช่วยเปิดรูขุมขนให้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกและคราบเหงื่อไคลได้อย่างล้ำลึก
ทำความสะอาดให้ทั่วเรือนร่าง: เริ่มจากล้างทำความสะอาดบริเวณเท้าของเราเสียก่อน ให้ร่างกายปรับอุณหภูมิและรู้สึกสบายมากขึ้น ทั้งยังช่วยป้องกันอาการช็อคหมดสติและวูบเฉียบพลัน ค่อยๆ ล้างผิวด้วยน้ำอุ่นเริ่มจากบริเวณฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ไล่ขึ้นมาส่วนบนของร่างกายจนผิวเปียกชุ่มทั่วเรือนร่าง
ใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่เหมาะกับผิว: ทำความสะอาดผิวกายทั่วเรือนร่างด้วยสบู่อาบน้ำ หรือครีมอาบน้ำสูตรที่เหมาะกับผิว เช่น สูตรสำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เป็นต้น จากนั้นใช้ใยบวบ ฟองน้ำ หรือใช้ถุงมือขัดผิว นวดเบาๆ เป็นวงกลมตั้งแต่ช่วงลำคอ แขน ขา ลำตัว จนถึงปลายเท้า เน้นบริเวณซอกหลืบต่างๆ เช่น ใต้วงแขน ร่องนิ้วมือ ร่องนิ้วเท้า บริเวณที่มีคราบเหงื่อไคลสะสมตัวตลอดวัน
ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็น: ปรับอุณหภูมิของน้ำไปที่ประมาณ 27 องศาฯ หรืออาบน้ำเย็นกว่าอุณหภูมิของร่างกายเล็กน้อย (สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น) จากนั้นล้างทำความสะอาดให้ปราศจากฟองสบู่ น้ำเย็นจะช่วยปิดรูขุมขน ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวเนียนนุ่มทั่วเรือนร่าง
บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์: หลังจากอาบน้ำควรใช้ผ้าเช็ดตัวเนื้อนุ่มซับเบาๆ จนผิวแห้งหมาด จากนั้นให้ทาครีมบำรุงผิว (สำหรับผิวแห้ง) หรือโลชั่นบำรุงผิว (สำหรับผิวธรรมดา) ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ ภายใน 3-5 นาทีหลังอาบน้ำ เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวให้ยาวนานยิ่งขึ้น
**Tips: เคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้สุขภาพผิวดีจากการอาบน้ำ คือการเลือกใช้สบู่อาบน้ำ หรือครีมอาบน้ำที่เหมาะสำหรับผิวของคุณ เน้นที่มีส่วนผสมช่วยขจัดแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้ถึง 99.9% พร้อมส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและสุขภาพผิวดีตลอดวัน แนะนำผลิตภัณฑ์อาบน้ำของโพรเทคส์ ที่มีให้เลือกหลายสูตรสำหรับทุกสภาพผิว
อุณหภูมิแบบไหนถึงจะเรียกว่า Perfect Shower!
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า อุณหภูมิของน้ำก็ส่งผลต่อสุขภาพผิวของเราได้เช่นกัน การอาบน้ำอุ่นและอาบน้ำเย็นต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าระหว่าง ‘อาบน้ำอุ่น’ vs ‘อาบน้ำเย็น’ แบบไหนเหมาะกับเรามากกว่า
ข้อดี-ข้อเสียของการอาบน้ำเย็น: ขณะที่การอาบน้ำเย็นนั้นจะช่วยกระชับรูขุมขน ปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นในระหว่างวัน ลดการเกิดสิว และช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า กระตุ้นระบบเผาผลาญไขมัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต การอาบน้ำเย็นจึงเหมาะสำหรับปลุกความสดชื่นให้ร่างกายในตอนเช้า แต่สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกเย็นเกินไป ไม่สบายตัว การอาบน้ำเย็นจึงไม่เหมาะกับคนป่วย และไม่ควรอาบน้ำเย็นในสภาพอากาศหนาวจัด เพราะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนได้อย่างรวดเร็วและอาจจะเสี่ยงต่อภาวะช็อคได้
ข้อดี-ข้อเสียของการอาบน้ำอุ่น: การอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต เปิดรูขุมขนและช่วยให้ทำความสะอาดผิวกายได้อย่างล้ำลึก แล้วยังช่วยบรรเทาอาการหวัด-คัดจมูกได้อีกด้วย แต่ข้อเสียก็คือ การอาบน้ำอุ่นที่นานเกินไป หรือปรับระดับเครื่องทำน้ำอุ่นให้มีอุณหภูมิสูง อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย การอาบน้ำอุ่นเหมาะสำหรับทำความสะอาดผิวในช่วงก่อนเข้านอน เพื่อปรับร่างกายให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงามยังแนะนำด้วยว่า อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับอาบน้ำขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละคน ได้แก่
น้ำอุ่น: อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการอาบน้ำอุ่นอยู่ที่ประมาณ 27-37 องศาฯ โดยน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวได้ดี แล้วยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวมากขึ้น การอาบน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 37 องศาฯ จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับสบายมากขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับและวิตกกังวล
น้ำเย็น: อุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาฯ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ปิดรูขุมขน ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และกล้ามเนื้อรู้สึกตื่นตัวขึ้นทันที จึงเหมาะสำหรับการทำความสะอาดผิวกายในตอนเช้า และล้างผิวเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการอาบน้ำ อีกทั้งการอาบน้ำเย็นยังช่วยป้องกันผิวแห้งและผื่นคันได้ด้วย
น้ำร้อน: อุณหภูมิประมาณ 37-42 องศาฯ เหมาะสำหรับการแช่อ่างอาบน้ำเพื่อช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และคลายความตึงตัวของกล้ามเนื้อ รวมถึงวันที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก หรือกิจกรรมลุยๆ ตลอดวัน แต่ไม่ควรแช่น้ำร้อนเกิน 15 นาที เพราะอาจจะทำให้หน้ามืดและเป็นลมได้ อีกทั้งการอาบน้ำร้อนจะทำให้ผิวแห้งกร้านและมีผื่นคันอีกด้วย
เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวให้ปัง เผยผิวสวยสุขภาพดีสุดพลัง!
การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวของเราเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกทั้งแบบสบู่อาบน้ำและครีมอาบน้ำ ว่าแต่ ‘สบู่ก้อน’ VS ‘ครีมอาบน้ำ’ แบบไหนกันแน่ที่เหมาะกับผิวของเรา มาดูความแตกต่างของทั้งสองชนิดกันดีกว่าค่ะ
ข้อดีของสบู่อาบน้ำ: สบู่ก้อนราคาประหยัดกว่าและใช้ได้นานกว่า มีคุณสมบัติเป็นด่างสูงจึงทำความสะอาดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียได้อย่างดี น้ำหนักเบาจึงสะดวกต่อการพกพา และผู้ผลิตส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพียงเลือกส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวก็ช่วยให้คุณมีสุขภาพผิวดีง่ายๆ แค่การอาบน้ำ
ข้อดีของครีมอาบน้ำ: แม้ว่าครีมอาบน้ำจะมีราคาแพงกว่าสบู่ก้อน แต่ครีมอาบน้ำมาพร้อมกลิ่นหอมติดทนนาน มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม ครีมอาบน้ำบางสูตรยังมีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสขึ้น แนะนำให้เลือกครีมอาบน้ำสูตรและส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวของเราจะดีที่สุดค่ะ
** Tips: เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีค่า pH เป็นกลาง มีส่วนผสมที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมีที่ทำร้ายผิว ที่สำคัญเหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เช่น หากเราเป็นคนผิวแห้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ หากเป็นคนผิวแพ้ง่ายควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า Hypoallergenic เป็นต้น
เคล็ดลับเสริมความ “ปัง” ให้ผิวสวยออร่าจับ!
นอกจาก 5 ขั้นตอนอาบน้ำอย่างถูกวิธีที่เรานำมาฝากกัน แล้วยังมีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยเสริมความ “ปัง” ให้ผิวสวยออร่าและผิวขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย เช่น
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักและผลไม้ตามฤดูกาล
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ และการตากแดดเป็นเวลานาน
ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เลือกที่มีค่า SPF50 และ PA++++
ดูแลสุขภาพใจให้แจ่มใส และปล่อยวางความเครียดได้อย่างรวดเร็ว
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
เพียงเท่านี้ ขั้นตอนการอาบน้ำก็จะไม่ใช่แค่การทำความสะอาดร่างกายเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังเป็นการปรนนิบัติผิวให้ผ่อนคลายและบำรุงผิวกายไปในตัว แล้วยังช่วยให้ผิวสวยและผิวขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญผิวกายจะหอมสดชื่นและสะอาดล้ำลึก...จนใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้คุณนานๆ เลยล่ะ!
อ้างอิงข้อมูล:
https://www.healthline.com/health/how-to-shower#shower-routine-steps
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/water-shower