ทำความรู้จัก “ลมพิษ” พร้อมวิธีป้องกันและลดผื่นคันในช่วงซัมเมอร์

A girl in yellow dress scratching her arms from hives rash

ความสุขของการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผืนป่า ท้องทะเล หรือกิจกรรมแคมป์ปิงที่กำลังอินเทรนด์อย่างมาก เป็นภาพฝันที่หลายคนอยากจะใช้เวลาวันหยุดพักผ่อนไปนอนเอนกายเพื่อคลายความเหนื่อยล้า แต่แล้วอยู่ดี ๆ คุณหรือครอบครัวก็เกิดผื่นลมพิษขึ้นตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ และทำให้วันหยุดหมดสนุกไปโดยปริยาย 

เรามาทำความรู้จัก “ลมพิษ” หรือผื่นผิวหนังชนิดหนึ่งซึ่งเกิดได้ทุกเพศทุกวัย ผื่นลมพิษเกิดจากสาเหตุใด อาการของลมพิษ และลมพิษอันตรายหรือไม่? รวมถึงมีวิธีป้องกันตัวเองจากลมพิษอย่างไร? จะได้เที่ยวสนุกในทุกเส้นทาง

ลมพิษ คืออะไร?

A young lady in a white t-shirt with hives rashes on both hands.

ลมพิษ” (Urticaria หรือ Hives) มีลักษณะเป็นผื่นคัน นูน แดง ไม่มีขุย หรือเป็นปื้นแดงกระจายตามผิวหนังบริเวณแขน ขา ลำตัว ศีรษะ ใบหน้า หรือเป็นผื่นคันทั้งตัว ผื่นลมพิษมีขนาดตั้งแต่ 0.5-10 เซ็นติเมตร ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็ก ๆ ที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่แข็งแรงดีพอ จนถึงผู้ใหญ่ที่มีอายุ 25 ถึง 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ ผื่นลมพิษอาจเกิดขึ้นทันทีหลังรับประทานอาหาร ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย หรือแพ้ยาบางชนิด โดยส่วนใหญ่แล้วผื่นลมพิษมักจะหายไปเองภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมงจนไม่เหลือร่องรอยใด ๆ รวมถึงผื่นลมพิษอาจจะย้ายตำแหน่งไปเรื่อย ๆ ก็ได้เช่นกัน 

แต่หากมีอาการรุนแรงที่เรียกว่า “ลมพิษชนิดบวม” (Angioedema) ซึ่งเป็นอาการบวมของเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนัง มักพบบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกาย เช่น รอบดวงตา ริมฝีปาก ลิ้น มือ เท้า และอวัยวะเพศ ลักษณะคล้ายผื่นลมพิษแต่มีขนาดใหญ่และอาการรุนแรงมากกว่า โดยลมพิษชนิดบวมสามารถเกิดขึ้นกับอวัยวะภายในได้ด้วย เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ ฯลฯ อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาเจียน รวมถึงอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ริมฝีปากบวม หายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก หอบหืด หรืออาการบวมบริเวณหลอดลม ทำให้หายไม่ใจออกและเป็นอันตรายได้

ผื่นลมพิษ แบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

อาการของโรคผื่นลมพิษ สามารถแบ่งตามอาการและระยะเวลาของการเกิดผื่นคันได้ 2 ประเภทหลัก คือ 

  1. ลมพิษชนิดเฉียบพลัน (Acute Urticaria) อาการผื่นลมพิษจะเกิดต่อเนื่องไม่เกิน 6 สัปดาห์

  2. ลมพิษชนิดเรื้อรัง (Chronic Urticaria) อาการผื่นลมพิษจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเป็นนานติดต่อกันมากกว่า 6 สัปดาห์

อาการผื่นแดงคันจากลมพิษ เกิดจากสาเหตุใด?

แม้ว่าลมพิษมักจะเกิดจากปฏิกิริยาของภูมิแพ้ อาการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแมลงสัตว์กัดต่อย แต่ก็มีหลายกรณีที่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดผื่นลมพิษที่ชัดเจนได้ หากลมพิษเกิดจากอาการแพ้คุณต้องค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดการแพ้ให้เจอ และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเกิดผื่นลมพิษในอนาคต ทว่าบางกรณีผื่นลมพิษอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วผื่นลมพิษมักจะเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้

  • แพ้อาหาร เช่น อาหารทะเล แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารปนเปื้อน แพ้สารกันบูด ฯลฯ

  • แพ้ยาบางชนิด เช่น เพนิซิลลิน แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และนาโพรเซน โซเดียม ฯลฯ

  • แพ้ขนสัตว์ ละอองเกสร สมุนไพร สารเคมี หรือผื่นแพ้จากการสัมผัส

  • ผื่นลมพิษจากการตอบสนองผิดปกติของผิวหนัง เช่น แพ้อากาศร้อน ความเย็น แพ้เหงื่อ ความอับชื้นจากการกดทับ หรือการออกกำลังกาย 

  • ผื่นลมพิษจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา

  • สัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น โรคต่อมไทรอยด์ โรคตับ โรคมะเร็ง การติดเชื้อเรื้อรัง หรือโรคลูปัส

  • ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง อาจจะกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารเคมีบางชนิดออกมาที่ผิวหนังและเกิดผื่นลมพิษ

  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ความวิตกกังวล และภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

หากคุณมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ใบหน้าบวม ปากบวม หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด อาเจียน หรือความดันโลหิตต่ำ จำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที หากเป็นลมพิษต่อเนื่องนานเกิน 6 สัปดาห์ หรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

อ่านเพิ่มเติม: ผื่นคันคืออะไร พร้อมเคล็ดลับในการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี

วิธีรักษาผื่นลมพิษ

ผื่นลมพิษสามารถหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณมีอาการคันและปื้นนูนแดงสามารถรักษาอาการผื่นคันจากลมพิษที่ไม่รุนแรงได้ด้วยวิธีการเหล่านี้

  • รับประทานยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) เช่น เซทิริซีน (Zyrtec), ไดเฟนไฮดรามีน (Benadryl) และลอราทาดีน (Loratadine) สามารถช่วยลดอาการผื่นลมพิษได้ หรือรับประทานยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรทุกครั้งก่อนซื้อยา และควรแจ้งให้ทราบหากคุณมีอาการแพ้ยาบางชนิด

  • ทาครีมบำรุงผิวสูตรปราศจากน้ำหอม คาลาไมน์โลชั่น หรือแป้งที่มีส่วนผสมของเมนทอล เพื่อบรรเทาอาการผื่นคัน แนะนำ แป้งเย็นโพรเทคส์ สูตรเมนทอล แคปซูล คูล บลู ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียบนผิว ให้คุณรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายสบายผิว ผ่านการรับรองจากแพทย์ผิวหนังแล้วว่า อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว

  • กรณีที่อาการแพ้รุนแรงที่เกิดจากลมพิษเฉียบพลัน แพทย์อาจสั่งยาสเตียรอยด์เพื่อบรรเทาอาการผื่นลมพิษ

  • กรณีที่เป็นลมพิษเรื้อรัง แพทย์มักจะแนะนำให้ใช้ยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน เพื่อบรรเทาอาการผื่น คัน บวม แดง และอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลมพิษเรื้อรังได้

หากคุณมีอาการรุนแรงร่วมด้วย เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดท้อง บวมบริเวณใบหน้า รอบดวงตา และริมฝีปาก รวมถึงร่างกายไม่ตอบสนองต่อยาแก้แพ้ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการแพ้รุนแรง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

ข้อควรรู้: วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นลมพิษ

นอกจากการรับประทานยาแก้แพ้ การบำรุงผิวด้วยโลชั่นสูตรปราศจากน้ำหอมและอ่อนโยนต่อผิว หรือใช้คาลาไมน์โลชั่นเพื่อลดอาการผื่นคัน ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำวิธีดูแลตัวเองง่าย ๆ เมื่อเป็นลมพิษ ได้แก่

  • ไม่ควรเกาบริเวณที่เป็นผื่นลมพิษ เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้

  • ประคบเย็น หรือเจลเก็บความเย็น (Cold Pack) เพื่อบรรเทาอาการผื่นคันและนูนแดง

  • งดอาบน้ำอุ่น เพราะจะทำให้ผิวแห้งคันมากขึ้น

  • งดใช้สบู่ ครีมบำรุงผิว และน้ำหอม บริเวณที่เป็นผื่นลมพิษ

  • ควรใช้ครีมอาบน้ำและครีมบำรุงผิวสูตรปราศจากน้ำหอม เพื่อลดการกระตุ้นให้อาการแพ้รุนแรงมากขึ้น

  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ

  • ค้นหาวิธีผ่อนคลายตัวเอง เพื่อลดความวิตกกังวลและความเครียด 

  • สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ เนื้อผ้าเบาสบาย ระบายอากาศได้ดี

  • ใช้ครีมว่านหางจระเข้ เพื่อบรรเทาอาการผื่นคัน

ที่สำคัญควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลมพิษให้เจอ เพื่อป้องกันอาการแพ้และผื่นลมพิษที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และควรเตรียมยาแก้แพ้ให้พร้อมหากต้องเดินทางไกลไปทะเลหรือภูเขา ควรสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีในวันแดดร้อน พกพาสมุนไพรหรือสเปรย์ป้องกันแมลง และควรพกแป้งเย็นสูตรเมนทอล ครีมอาบน้ำสูตรกำจัดแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรปราศจากน้ำหอม เพื่อบรรเทาอาการแพ้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น และช่วยให้สุขภาพผิวดีอยู่เสมอ 

คำถามที่พบบ่อย

1. อาการผื่นลมพิษ เป็นอย่างไร? 

ผื่นลมพิษมีลักษณะเป็นผื่นคัน นูน แดง ไม่มีขุย หรือเป็นปื้นแดงกระจายตามผิวหนังบริเวณแขน ขา ลำตัว ศีรษะ ใบหน้า หรือเป็นผื่นคันทั้งตัว ผื่นลมพิษมีขนาดตั้งแต่ 0.5-10 เซ็นติเมตร และบางครั้งอาจจะรู้สึกแสบร้อนร่วมด้วย

2. ลมพิษมีกี่ประเภท และมีลักษณะเฉพาะอย่างไร? 

ลมพิษสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ลมพิษเฉียบพลันและลมพิษเรื้อรัง ลมพิษเฉียบพลันมักจะหายเองภายในไม่เกิน 6 สัปดาห์ มักเกิดจากการแพ้อาหาร แพ้ยา แมลงสัตว์กัดต่อย ส่วนลมพิษเรื้อรังจะเป็นนานกว่า 6 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง

3. ลมพิษ เกิดจากสาเหตุใด? 

ลมพิษเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แพ้อาหาร แพ้ยา แมลงสัตว์กัดต่อย ขนสัตว์ แพ้ละอองเกสร หรือได้รับสิ่งกระตุ้นจากสภาพแวดล้อม บางกรณีลมพิษอาจถูกกระตุ้นโดยปัจจัยที่ไม่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ความเครียด อากาศร้อน หรือการออกกำลังกาย เป็นต้น

4. ยาที่ใช้ในการรักษาอาการลมพิษ มีอะไรบ้าง? 

ยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) เช่น เซทิริซีน (Zyrtec), ไดเฟนไฮดรามีน (Benadryl) และลอราทาดีน (Loratadine) สามารถช่วยลดอาการคันและบวมได้ นอกจากนี้ การประคบเย็น ทาครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของคาลาไมน์ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการคันได้

5. วิธีป้องกันการเกิดลมพิษได้อย่างไร? 

หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดลมพิษ การจัดการความเครียด สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ติดตามเราได้ทาง: